วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ประโยชน์ของงา



งาเป็นอาหารที่เรารู้จักกันดีมาตั้งแต่เด็ก เพราะขนมต่าง ๆมักจะมีงาเป็นส่วนผสม ชวนให้หอมน่ารับประทาน แต่จะมีใครสักกี่คนที่รู้จักงาว่างาเป็นพืชที่มีคุณค่าอาหารสูงมาก สูงจนทำให้ทึ่งว่า คุณค่ามากมายนั้นเข้าไปอัดในงาเมล็ดจ้อยนั้นได้อย่างไร ชาวจีนรู้จักคุณค่าของงามาแต่โบราณ จนถึงกับกล่าวไว้ว่า “ กินงามีคุณค่าดั่งได้หยก “ ชาวจีนจึงนิยมกินงา และยังถือว่าน้ำมันงาเป็นยาอายุวัฒนะ ส่วนตำราอินเดียยังกล่าวสรรพคุณของงาไว้ว่า งาเป็นยาบำรุงร่างกายทำให้ร่างกายมั่นคง กำลังกายแข็งแรง งาเป็นพืชล้มลุก มีขนาดเมล็ดเล็ก ๆสีขาวและสีดำ ซึ่งทั้งสองชนิดมีสรรพคุณใกล้เคียงกัน แต่งาดำจะมีคุณภาพดีกว่างาขาว

งาเป็นพืชที่มีคุณค่าอาหารสูงมาก สูงจนทำให้งงว่าคุณค่ามากมายจนจำไม่ไหวนั้น เข้าไปอัดอยู่ในเมล็ดงานั้นได้อย่างไร เมล็ดงามีน้ำมันสูงถึง 35 – 57 %

น้ำมันที่สกัดได้เป็นน้ำมันที่ดีเยี่ยม คือ

1. มีกรดไขมันที่ไม่อิ่มตัวสูง กรดนี้ช่วยควบคุมระดับโคเลสเตอรอลไม่ให้มีมากเกินไป ป้องกันไม่ให้หลอดเลือดแข็ง ป้องกันโรคหัวใจและโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดบางชนิด

2. เก็บไว้ได้นาน ไม่เหม็นหืนง่ายเหมือนน้ำมันชนิดอื่น

3. ไม่จับแข็งเป็นก้อน

4. มีกลิ่นหอมน่ากิน

โปรตีนในงามีมากมายไม่น้อย เป็นโปรตีนที่จำเป็นสำหรับผู้ถือมังสวิรัติ

คนที่ไม่กินเนื้อจะผึ่งโปรตีนจากถั่ว ซึ่งเป็นโปรตีนที่ขาดกรดอะมิโน ที่ชื่อเมธิโอนีน เจ้าเมธิโอนีนนี้กลับมามีมากในโปรตีนของงาดังนั้น เรากินถั่วพร้อมงา เราก็จะได้โปรตีนครบถ้วน เจ้าเมธิโอนีนนี้ยังมากในโปรตีนของข้าวกล้องข้าวโพด คนที่กินมังสวิรัติจึงต้องกินข้าวกล้อง ถั่ว งา พร้อมกัน และถ้าได้ข้าวโพดเสริมด้วยยิ่งดี

งาเป็นอาหารที่มีแร่ธาตุมาก คือ มีอยู่ 4.1 – 6.5 % ที่สำคัญคือ ธาตุเหล็ก ไอโอดีน สังกะสี แคลเซี่ยม ฟอสฟอรัส (งามีแคลเซี่ยมมากกว่าพืชผักทั่วไป 40 เท่า มีฟอสฟอรัสมากกว่าพืชผักทั่วไป 20 เท่า ธาตุ 2 ตัวนี้เป็นส่วนสำคัญในการเสริมสร้างกระดูก ฉะนั้นจึงควรให้เด็ก ๆกินงา กระดูกจะได้แข็งแรง เจริญเติบโตสูงใหญ่

สำหรับ สุภาพสตรีในวัยหมดประจำเดือนไปแล้วก็ควรกินงามาก ๆ เพราะจะได้แคลเซี่ยม เนื่องจากตนหมดประจำเดือนจะบกพร่องในฮอร์โมนเอสโตรเจน ทำให้การดึงแคลเซี่ยมออกมาจากกระดูก โอกาสที่จะเป็นโรคกระดูกเสื่อมม็มีมาก

งาเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบีจริง ๆ คือนอกจากมีวิตามิน บี 1 บี 2 บี 3 อยู่มากแล้ว ยังมีวิตามินบี 5 บี 6 บี 9 ไบโอดิน โคลิน ไอโนสิตอล กรดพาราอะมิโนแบนโซอิค นอกจากกลุ่มวิตามินบีช่วยบำรุงประสาท ดังนี้ ท่านที่มีอาการไม่สบายต่าง ๆที่เกิดจากระบบประสาท เช่น นอนไม่หลับ อ่อนเพลีย เป็นเหน็บชา ปวดเส้นตามตัว แขนขา เบื่ออาหาร ท้องผูก เมื่อยสายตา ควรหันมากินงาเป็นประจำ

งามีวิตามินบีเกือบครบ ขาดไปชนิดเดียวคือวิตามินบี 12 ( ในถั่วหมักซีอิ้ว และเต้าเจี้ยว ) ผ่านโปรตีน เกลือแร่ วิตามินไปแล้วก็มาถึงไขมันในงา มีกรดไขมันลิโนแอลิคอยู่มาก ซึ่งกรดไขมันนี้จำเป็นต่อการเจริญเติบโต จำเป็นต่อความชุ่มชื้นเพราะเป็นส่วนประกอบของผนังเซลล์ ลิโนเลอิคยังช่วยลดปริมาณโคเลสเตอรอลในเลือดอีกด้วย ในงายังมีสารเลคซิทินที่ช่วยลดโคเลสเตอรอลด้วยเหมือนกัน

งายังเป็นอาหารต้านมะเร็งด้วย นักวิทยาศาสตร์บางคนว่าสารเซซามอลที่มีอยู่ในงานั้นป้องกันมะเร็งได้ และยังทำให้ร่างกายแก่ช้าลง

จะเห็นได้ว่างาเป็นอาหารที่มีคุณค่า ชาวจีนถึงกับเปรียบไว้ว่า “กินงามีคุณค่าเปรียบได้ดั่งกินหยก” เปรียบงากับพืชทั่วไปงาเป็นพืชขั้นหัวกะทิทีเดียว

1.งามีกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกายมาก ( Essential Fattyacid ) ที่เรียกว่ากรดไลโนเลอิค ซึ่งกรดนี้ร่างกายเอาไปสร้างฮอร์โมนชนิดหนึ่งเรียกว่า โฟร์สตาแกลนดิน - อี – วัน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อร่างกายดังนี้

1.1 ขยายหลอดเลือด

1.2 ช่วยลดความดันเลือด

1.3 ป้องกันเกล็ดเลือด ( Platel ) ที่จะเกาะตัวกันเป็นลิ่ม หรือที่เรียกว่าคล็อท ( Clot )

1.4 ยับยั้งการสร้างโคเลสเตอรอลในร่างกาย ฮอร์โมน โพรัสตาแลนดิน – อี – วัน จะช่วยยับยั้งไม่ให้สร้างโคเลสเตอรอลมากเกินไป

1.5 ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดขาว ชนิดเรียกว่าที – เซลล์ ( T – cell ) ซึ่งเม็ดเลือดขาวชนิดนี้เป็นภูมิคุม้กันโรคตัวสำคัญของร่างกาย

2. งานอกจากจะมีกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกายแล้ว ยังมีโปรตีนอีกถึง 20 % โปรตีนของคนเราประกอบด้วยกรดอะมิโนประมาณ 22 ชนิด แต่มีกรดอะมิโนจำเป็นที่ร่างกายสร้างขึ้นเองไม่ได้ ต้องอาศัยจากการกินอาหารมีอยู่ 9 ชนิด ซึ่งมีอยู่ในถั่วเกือบครบถ้วน จะขาดแต่กรดอะมิโนจำเป็นตัวหนึ่ง ชื่อ เมทไธโอนีน ( AMINO METHIONINE ) ที่มีอยู่น้อยไม่พอเพียงแต่กลับมีมากในเมล็ดงา ดังนั้นถ้ากินถั่วพร้อมกับงาก็จะได้โปรตีนครบถ้วน

3.งาเป็นอาหารที่มีแร่ธาตุมาก คือมีอยู่ 4.1 – 6.5 % ที่สำคัญ คือ ธาตุเหล็กช่วยบำรุงเลือด ธาตุไอโอดีนป้องกันโรคคอพอก ธาตุสังกะสี บำรุงผิวหนัง แคลเซี่ยม และ ฟอสฟอรัส บำรุงกระดูก – ฟัน และทำให้ไม่เป็นตะคิวง่าย

ข้อควรระวัง

- อย่ากินงามากเกินไปเพราะอาจทำให้ท้องร่วงได้ ( กินมากกว่า 4 ช้อนโต๊ะ )

4.งาเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบี คือ นอกจากมี บี 1, บี 2, บี อยู่มากแล้วยังมี บี 5 , บี 6 , บี 9 ,ไบโอดิน, โคลิน ,ไอโนนิตอล กรดพาราอะมิโนเบนโซอิค เนื่องจากกลุ่มวิตามินบีช่วยบำรุงประสาท

5.อื่น ๆ งายังเป็นอาหารต้านมะเร็งด้วย นักวิทยาศาสตร์บางคนเชื่อว่าสารเซซามอลที่มีอยู่ในงาสามารถป้องกันมะเร็งได้

- งามีวิตามิน อี ซึ่งเป็นอายุวัฒนะ ทำให้ร่างกายสดชื่น ดูหนุ่มสาวและแก่ช้าลง

- งามีสารที่ช่วยป้องกันโรคหวัด

- งายังมีเลซิติน ที่มีความสำคัญมากต่อความสมบูรณ์ของร่างกาย เพราะเลซิตินเป็นส่วนประกอบไขมันที่สำคัญมากในเซลล์ประสาท สมอง หัวใจ ไต และต่อมไร้ท่อ

แหล่งที่มา http://farmdev.doae.go.th


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

 

HealthandBeautyInfocus Copyright © 2009 เฮลธ์แอนด์บิวตี้อินโฟกัส สุขภาพ ความงาม แฟชั่น แพทเทิร์นงานฝีมือ ดูดวง โปรโมทเว็บฟรี Beauty Blogs - BlogCatalog Blog Directory