วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เคล็ดลับผิวขาวอมชมพูจากโยเกิร์ต

สาวๆ ยุคใหม่ที่กำลังมองหาวิธีดูแลผิวพรรณให้เรียบ เนียน สวยอยู่ตลอดเวลา วันนี้มีวิธีจะมาบอกเคล็ดลับเพื่อผิวขาวสุขภาพดีที่ทำได้ง่ายๆ ไม่ยุ่งยากกับเคล็ดลับ "โยเกิร์ตสครับสูตรน้ำผึ้ง"

ผิวขาวสุขภาพดี ได้ก็เพราะบำรุงผิวพรรณ โยเกิร์ตใครๆ ก็รู้ว่าเป็นอาหารที่มีคุณค่า แถมยังเป็นอาหารผิวที่ดีได้อีกด้วย ส่วนน้ำผึ้งนอกจากเป็นยาอายุวัฒนะแล้ว ก็ยังมีคุณค่าในด้านความสวยความงามด้วย

สำหรับส่วนผสมของเคล็ดลับ "โยเกิร์ตสครับสูตรน้ำผึ้ง"

เริ่มจากน้ำผึ้ง 3 ช้อนโต๊ะ จมูกข้าวสาลี 2 ช้อนโต๊ะ และโยเกิร์ตรสธรรมชาติที่ไม่มีผลไม้ 1 ถ้วยค่ะ นำมาคนให้เข้ากันแล้วนำมาทาให้ทั่วตัว จากนั้นใช้ปลายนิ้วขัดผิวเบาๆ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และขจัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดออกมาหลังล้างออก และยังเพิ่มความชุ่มชื้นและคงความขาวเนียนให้กับผิวได้อีกด้วย

อย่าลืม บำรุงด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของโยเกิร์ตเป็นประจำ ให้ทั่วทุกส่วนของร่างกาย เพื่อคุณจะได้เป็นเจ้าของผิวที่ขาว อมชมพูอย่างมีสุขภาพดีตลอดไป

ที่มา : นิวสวีทดอทคอม

เคล็ดลับผิวสวยด้วย..ผลไม้


ไม่ต้องเปลืองตังค์ ไปซื้อเครื่องสำอางค์ราคาแพง ๆ คุณผู้ชายก็ใช้ได้นะคะ เป็นสูตรง่าย ๆ แค่นำน้ำผลไม้ใกล้ ๆ ตัว มาปั่น บด ผสมผสานกัน ก็กลายเป็นเครื่องประทินผิวสวยได้แล้ว รับรองได้ว่าเป็นอันตรายแน่นอน


สูตรสาวหน้าใสน้ำผึ้งผสมมะนาว
ส่วนผสม มีแค่น้ำผึ้งกับน้ำมะนาว ใช้น้ำผึ้ง 1 ถ้วย กับน้ำมะนาว 1 ช้อนชา ผสมให้เข้ากัน นำครีมน้ำผึ้งมานวดให้ทั่วใบหน้า นวดวนไปเรื่อยๆ ประมาณ 15 นาที ล้างออกด้วยน้ำสะอาด
ครีมน้ำผึ้งมะนาวสูตรนี้ จะช่วยขจัดเซลล์ผิว เช่นเดียวกับครีมที่ผสมกรด AHA ส่วนน้ำผึ้งจะทำให้ผิวหน้านุ่มและชุ่มชื้น


สูตรสาวหน้าใสด้วยแอปเปิล
ใช้แอปเปิล ปอกเปลือกแล้วคว้านเอาเฉพาะเนื้อ นำมาปั่นรวมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ นำครีมแอปเปิลมาทาให้ทั่วใบหน้า แล้วนวดเบาๆ ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น สูตรนี้จะช่วยขจัดเซลล์ ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกไป เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า ทำให้ใบหน้าดูสดใสเปล่งปลั่ง อีกด้วย


สูตรกระชับรูขุมขน
ใช้กล้วยหอม แตงกวาหรือมะเขือเทศก็ได้ เลือกใช้อย่างใดอย่างหนึ่งปอกเปลือก เอาเมล็ด ออกให้หมดแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เติมน้ำผึ้งหรือนมเปรี้ยวลงไป นำไปปั่นให้ละเอียด จนเป็นเนื้อ ครีม นำมาพอกให้ทั่วใบหน้าและลำคอ ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น สูตรนี้จะ ช่วยทำความสะอาดใบหน้า และกระชับรูขุมขนและบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น


สูตรครีมทำความสะอาดผิวหน้า (Cleanser)
ใช้โยเกิร์ต 1/2 ถ้วย น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมะนาวสด 1 1/2 ช้อนโต๊ะ นำส่วนผสม 3 ชนิดผสมให้เข้ากัน นำครีมโยเกิร์ตมาพอกให้ทั่วหน้าประมาณ 5 นาที ทุกเช้าและก่อนนอน แล้วจึงล้างออก ด้วยน้ำสะอาด สูตรนี้ใช้ได้กับทุกสภาพผิว จะช่วยทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างล้ำลึก และบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นอีกด้วย


สูตรสาวผิวแห้ง มอยเจอร์ไรเซอร์จากกล้วย
นำกล้วย 1 ผล ผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ บดให้เข้ากัน นำครีมกล้วยมาพอกให้ทั่วใบหน้าทิ้งไว้ 15 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น จะทำให้ผิวหน้าชุ่มชื้นขึ้น สูตรนี้เหมาะกับผิวแห้ง


สูตรพอกหน้าใสจากแตงกวา
ใช้แตงกวา 1 ผล ไข่ไก่ 1 ฟอง (ใช้เฉพาะไข่ขาว) และมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ หั่นแตงกวาเป็น ชิ้นบางๆ นำไปปั่นพร้อมกับไข่ขาวและใส่น้ำมะนาวลงไป ปั่นจนละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน นำมา พอกให้ทั่วใบหน้า เว้นรอบปากและดวงตา ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วจึงล้างหน้าตามปกติ หมั่นทำบ่อยๆ ทุกสัปดาห์ จะช่วยลดความมันส่วนเกิน และยังช่วยกระชับรูขุมขน ผิวหน้าจะ ดูเนียนเรียบและชุ่มชื้น เหมาะสำหรับผิวมันและผิวผสม


เคล็ดลับที่ควรคำนึงถึง
ผลไม้ที่ใช้ต้องสด มีคุณภาพดี ภาชนะที่ใช้ใส่ผลไม้ ส่วนผสมต่างๆ ควรใช้แก้วหรือกระเบื้อง ก่อนทำการพอกหน้า ควรทำความสะอาดใบหน้าให้สะอาด โดยการอัง ใบหน้ากับไอน้ำและนวดเบาๆ เพื่อเปิดรูขุมขน เวลาพอกหน้าไม่ควรพูดคุยหรือขยับใบหน้า


ที่มา : เคล็ดลับ 108

10 เคล็ดลับ..สูตรสวยจากธรรมชาติ



สาวๆ หลายคนยอมเสียเงินไปกับเครื่องสำอางราคาแพงมากมายเพื่อให้สวยทันใจ แต่ใครจะการันตีได้ว่าในระยะยาว ผิวหน้าจะไม่เกิดอาการแพ้ขึ้นมา หรือถึงจะไม่แพ้ก็คงต้องเสียเงินไปจนนับไม่ถ้วน กว่าจะได้ผิวสวยใสมาครองครอง จะดีกว่าไหมถ้าลองหันกลับมาใช้ของธรรมชาติใกล้ตัวที่ทั้งสด ใหม่ หาง่าย ได้ผลดี ราคาไม่แพง และโอกาสแพ้เกือบเป็นศูนย์เปอร์เซ็นต์ดังเช่น 10 เคล็ดลับต่อไปนี้

1. สตรอเบอร์รี่เพื่อผิวสะอาดหมดจด
ประโยชน์ : สตรอเบอร์รี่อุดมด้วยวิตามินและกรดเอเอชเอธรรมชาติ ซึ่งสามารถช่วยปรับสภาพผิวและลดการอุดตันของรูขุมขนได้ดี
วิธีใช้ : ผสมสตรอเบอร์รี่ 2-3 ผลกับน้ำมะนาว นำมานวดให้ทั่วใบหน้า แล้วจึงล้างออก

2. ส้มเพื่อกระชับรูขุมขน
ประโยชน์ : วิตามินและกรดธรรมชาติในส้มจะช่วยสมานและกระชับผิว
วิธีใช้ : ผสมน้ำส้มสด 2-3 หยดกับน้ำแร่ จากนั้นนำสำลีมาชุบแล้วเช็ดให้ทั่วใบหน้าเหมือนโทนเนอร์ทั่วไป

3. ผักกาดแก้วเพื่อผิวกระจ่างใส
ประโยชน์ : ผักกาดแก้วช่วยลดการอักเสบของผิวและช่วยให้ผิวเนียนนุ่มขึ้น
วิธีใช้ : นำผักกาดแก้ว (4 ใบ) มาต้มประมาณ 10 นาที ทิ้งให้เย็นแล้วกรองเอาแต่น้ำ จากนั้นนำสำลีมาชุบน้ำที่กรองไว้ เช็ดให้ทั่วใบหน้าเหมือนโทนเนอร์ทั่วไป

4. แอปริคอตเพื่อแก้มใสเปล่งปลั่ง
ประโยชน์ : แอปริคอตอุดมด้วยวิตามินเอจึงช่วยให้ผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่ง
วิธีใช้ : นำแอปริคอตสุกมาบดให้เป็นเนื้อเดียวกันแล้วทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ 20 นาทีแล้วล้างออก ใช้เหมือนเจลหรือครีมมาส์กหน้าทั่วไป

5. มะนาวเพื่อปรับสภาพผิวหน้าอก
ประโยชน์ : กรดเอเอชเอจากธรรมชาติและสารฟลาโวนอยด์ในมะนาว จะช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าออกและกระชับผิวให้ตึงขึ้น
วิธีใช้ : นวดหน้าอกด้วยน้ำมะนาวทุกเย็น

6. แครอตเพื่อยืดอายุผิวสีแทน
ประโยชน์ : แครอตมีสารเบต้าแคโรทีนและแอนตี้ออกซิแดนท์สูง จึงช่วยรักษาสภาพผิว และสีผิวอย่างผิวสีแทนหลังอาบแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วิธีใช้ : ละลายวาสลีน 10 กรัม ในน้ำมันจมูกข้าวสาลี (wheat germ) ที่ตั้งไฟจนร้าน จากนั้นเติมน้ำแครอต (4 หัว) ลงไป คนให้เข้ากันแล้วรินใส่ภาชนะเก็บไว้ นำมาทาผิวกายและผิวหน้าให้ทั่ววันละ 1 ครั้งเหมือนครีมบำรุงผิวทั่วไป

7. เกลือเพื่อกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อ
ประโยชน์ : เกลือมีสารไอโอดีน ทองแดง และสังกะสี ซึ่งสามารถช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อที่เมื่อยล้าให้กลับมากระชับ และแข็งแรงเหมือนเดิม
วิธีใช้ : ละลายเกลือทะเล 1 กำมือลงในอ่างอาบน้ำแล้วลงไปแช่ทั้งตัว หรือจะแช่เฉพาะมือและเท้าก็ได้

8. น้ำผึ้งเพื่อลดรอยคล้ำรอบดวงตา
ประโยชน์ : น้ำผึ้งมีคุณสมบัติฆ่าเชื้อแบคทีเรียและบำรุงผิวให้เนียนนุ่ม
วิธีใช้ : ผสมน้ำผึ้ง 1 ช้อนกาแฟ กับน้ำแร่งอุ่นๆ ครึ่งแก้ว จากนั้นใช้สำลีชุบแล้วนำมาวางบนผิวบริเวณรอบดวงตาทั้ง 2 ข้าง ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที

9. มันฝรั่งเพื่อลดถุงใต้ตา
ประโยชน์ : สตาร์ช (Starch) หรือสารสีขาวจำพวกคาร์โบไฮเดรตที่พบได้ในข้าว ข้าวโพด หรือมันฝรั่ง จะช่วยลดการอักเสบของผิวได้
วิธีใช้ : หั่นมันฝรั่งเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วพอกไว้หนาๆ บริเวณใต้ดวงตา ทิ้งไว้ 15 นาทีแล้วจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น

10. กล้วยเพื่อผมนุ่มสลวย
ประโยชน์ : กล้วยอุดมไปด้วยกลูไซด์ซึ่งช่วยบำรุงผิวรวมทั้งเส้นผมด้วย
วิธีใช้ : ผสมกล้วยสุกกับน้ำมันอัลมอนด์ 2-3 หยด นำมาชโลมให้ทั่วศีรษะ ทิ้งไว้ 15 นาทีแล้วจึงล้างออก

ผิวแตกลายงาหน้าหนาว..ทำไงดี?


ผิวแห้ง ผิวแตก หน้าหนาว
ย่างเข้าหน้าหนาวทีไร เห็นหลายคน โดยเฉพาะสาว ๆ บ่นเรื่องผิวแตกลายงา บริเวณแขนและขาซึ่งมองเห็นได้ชัดเจน แถมบางคนใบหน้าเป็นขุย ปากแห้งแตกจนเลือดไหลซิบ จนถูกล้อด้วย “สักวาหน้าหนาว สาวขาแตก...” เกี่ยวกับเรื่องนี้ รศ.พญ.พรทิพย์ ภูวบัณฑิตสิน สาขา ตจวิทยา (ผิวหนัง) ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ฤดูหนาวความชื้นในอากาศลดลง อากาศแห้ง ลมแรง แดดจัด คนที่มีผิวพรรณแห้งอยู่แล้ว หรือ เป็นโรคผิวแห้งโดยพันธุกรรม ผิวจะยิ่งแห้งแตกมองเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

ในคนที่เป็นโรคผิวแห้งโดยพันธุกรรม
ผิวหนังจะไม่สามารถเก็บความชุ่มชื้นเอาไว้ได้ ทำให้น้ำมันหล่อเลี้ยงผิวระเหยออกมา ผิวหนังกลายเป็นเหมือนแผ่นดินที่แห้งแล้ง ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ พอฤดูหนาวมาเยือน ผิวพรรณจะแห้งแตกเหมือนลายงา มองเห็นชัดเจนกว่าฤดู อื่น ๆ โดยเฉพาะตรงบริเวณหน้าแข้ง ส่วนลักษณะเด่นอื่น ๆ ของคนที่เป็นโรคผิวแห้งโดยพันธุกรรมฤดูหนาวนี้ คนที่มีผิวแห้ง หรือ เป็นโรคผิวแห้งโดยพันธุกรรม ควรสวมใส่เสื้อผ้าให้มิดชิด อาบน้ำพอประมาณ ไม่อาบนานจนเกินไป อย่าอาบน้ำอุ่นจัด ใช้สบู่ถูตัวให้น้อยลง ถ้าผิวแห้งมาก ๆ ไม่ไหวจริง ๆ ก็ต้องทาครีม โลชั่น น้ำมันมะกอก ขี้ผึ้ง วาสลีน แต่หลายคนอาจไม่ชอบเพราะเหนอะหนะโดยเฉพาะในตอนกลางวัน ก็แนะนำให้ทาก่อนนอนแทน ที่บอกว่าไม่ควรอาบน้ำอุ่น หรือ ใช้สบู่ ฟอกตัวจนเป็นฟองมาก ๆ เพราะจะไปชะล้างน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวออกไปหมด ยิ่งทำให้ผิวแห้งมากขึ้น พอผิวแห้งมาก ก็จะรู้สึกคัน พอคันก็จะอาบน้ำบ่อย ตอนที่อาบน้ำเสร็จใหม่ ๆ อาจจะรู้สึกหายคัน เนื่องจากตอนอาบน้ำจะเป็นการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง แต่ผิวหนังไม่สามารถจะเก็บน้ำได้ สักพักจะระเหยไป

หลายคนเชื่อว่า การดื่มน้ำมาก ๆ จะยิ่งทำให้ผิวชุ่มชื้น ไม่แห้งแตก ?
รศ.พญ. พรทิพย์ กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง ดื่มน้ำมากก็ยิ่งปัสสาวะออกมาก ขอเรียนว่า ผิวหนังที่แห้ง ไม่ได้แห้งเพราะขาดน้ำ แต่เป็นเพราะหนังชั้นขี้ไคลเสื่อม ไม่สามารถเก็บความชุ่มชื้นเอาไว้ได้ ทำให้แผ่นผิวหนังขี้ไคลที่ควรจะเรียบ แห้งแตก ดังนั้นไม่ว่าจะดื่มน้ำในปริมาณมากเพียงใด ก็ไม่ได้ช่วยในเรื่องนี้

ส่วนปัญหาริมฝีปากแตก
นั้น รศ.พญ. พรทิพย์ อธิบายว่า อาจมีสาเหตุมาจากผิวแห้ง เป็นโรคผิวแห้งโดยพันธุกรรมอยู่แล้ว ซึ่งการเลียริมฝีปาก บ่อย ๆ จะทำให้ปากแห้งแตกได้ สาเหตุของปากแตกอีกอย่างหนึ่ง คือ เกิดจากการระคายเคืองสารเคมี ที่มีอยู่ในยาสีฟัน หรือ น้ำยาบ้วนปาก ถ้าใช้ยาสีฟันมากไปก็ทำให้ริมฝีปากแห้งได้ กรณีที่ปากแตกจากผิวแห้งก็อาจใช้ขี้ผึ้ง หรือวาสลีนทา แต่ถ้ามีสาเหตุจากสารเคมีก็ต้องพยายามหลีกเลี่ยง เช่น ใช้ยาสีฟันในปริมาณที่ เหมาะสม ไม่แปรงฟันนานจนเกินไป
คือ มีเส้นลายมือที่ชัดเจน มีส้นเท้าแตก มีตุ่มเหมือนขนคุดขึ้นบริเวณต้นแขน ขณะที่บางคนอาจเป็นโรคภูมิแพ้ร่วมด้วย

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

ถั่วเขียว..ขจัดรอยด่างดำ

ไม่ว่าจะเป็นรอยด่างดำจากการบีบสิว หรือจากการต้องออกแดดบ่อยๆ รวมไปถึงรอยแผลที่เกิดจากผื่นคันตามร่างกาย เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่น่าพิสมัยสำหรับผิวเนียนใสของสาวๆ อย่างแน่นอน แต่จะมีวิธีไหนล่ะ ที่จะทำให้รอยด่างดำเหล่านี้หายไป โดยไม่เกิดผลข้างเคียง และที่สำคัญ คือ ประหยัด คำตอบของคำถามนี้ก็คือ ถั่วเขียว เพราะนอกจากถั่วเขียวจะเป็นอาหารที่ทานแล้ว สามารถเยียวยาสารพัดอาการได้แล้ว ยังนำมาทาเป็นยาบำรุงผิวเพื่อลบรอยด่างดำให้จางหายไปได้อีกด้วย วิธีการก็ง่ายๆ เลยดังนี้

1. เตรียมส่วนผสมให้ครบครัน ได้แก่ ถั่วเขียว 3 ช้อนโต๊ะ มันฝรั่ง 1 หัว น้ำมันมะกอก 2 ช้อนชา

2. นำ ถั่วเขียวและมันฝรั่งมาล้างให้สะอาด แล้วนำไปต้มจนสุก แต่ไม่ต้องถึงกับเปื่อย จากนั้นนำถั่วเขียวและเนื้อมันฝรั่งที่ได้มาบดรวมกัน โดยไม่ต้องให้ละเอียดนัก เติมน้ำมันมะกอกลงไป ผสมจนเข้ากันดี

3. นำส่วนผสมที่ได้มาขัดผิวกายโดยเฉพาะบริเวณที่มีจุดด่างดำ โดยใช้เวลาขัดประมาณ 5 นาที ส่วนผสมที่มีเนื้อและเปลือกถั่วเขียวที่บดหยาบๆ ผสมกับเส้นใยของมันฝรั่งบด จะช่วยขัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวใหม่ที่สดใสกว่าเดิม
4. เมื่อขัดเสร็จแล้วก็ให้ไปอาบน้ำ หรือล้างออกด้วยสบู่ และควรทำเช่นนี้ทุกสัปดาห์ รอยด่างดำจะค่อยๆ เลือนหายไป


ที่มา : First Magazine

สูตร (ไม่) ลับ กระชับรูขุมขน



ใครๆ ก็อยากมีผิวเรียบเนียน แล้วคุณล่ะคะ ถ้าใช่ สูตรนี้ช่วยคุณได้ และเหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่มีรอยดำจากสิวและผู้ที่มีรูขุมขนกว้าง เพราะสูตรนี้จะช่วยสมานรูขุมขนให้กระชับ ทำให้ผิวหน้าเรียบเนียนค่ะ

สิ่งที่ต้องเตรียมได้แก่
แตงกวา 1 ผล ไข่ไก่ 1 ฟอง แต่เราใช้เฉพาะไข่ขาวนะคะ และน้ำมะนาวประมาณ 1 ช้อนชา

วิธีทำก็ไม่ยุ่งยากค่ะ
แค่ใส่แตงกวาลงไปในเครื่องปั่น หรือจะใช้ช้อนค่อยๆ ขูดเนื้อออกมาก็ได้ ใส่ไข่ขาวและมะนาวลงไป คนให้เข้ากันจนเป็นเนื้อครีม แล้วตักใส่ถ้วยพักไว้ก่อนค่ะ จากนั้นก็มาเตรียมหน้าของคุณให้พร้อม ล้างหน้าให้สะอาด ซับหน้าให้แห้ง แล้วนำส่วนผสมที่ได้มาทาให้ทั่วหน้าค่ะ เว้นบริเวณตาและปากไว้ พอกทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที ระหว่างนั้นก็นอนพักนิ่งๆ นะคะ ไม่ควรพูดคุยหรือทำกิจกรรมอื่นๆ ที่ต้องเคลื่อนไหวใบหน้า และถ้าจะหั่นแตงกวาเป็นแว่นๆ มาปิดตาด้วยก็ไม่มีปัญหาค่ะ หลังจาก 30 นาทีก็ล้างหน้าอีกครั้งด้วยน้ำอุ่นแล้วซับให้แห้ง ทำสัปดาห์ละครั้งค่ะ

เพียงเท่านี้ รูขุมขนจะค่อยๆ กระชับขึ้น แล้วผิวเรียบเนียนที่คุณต้องการก็จะมาในไม่ช้านี่แหละค่ะ

ที่มา : women.sanook.com

วิธีถนอมดวงตาขั้นพื้นฐาน


ไม่ว่าคุณผู้อ่านจะมีปัญหาสายตาหรือไม่ รศ.นพ.อนันต์ วงศ์ทองศรี จักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านการรักษาสายตาผิดปกติ ด้วยวิธีเลสิก ก็ยังแนะนำให้ทุกท่านดูแลดวงตาของตนเองด้วยวิธีง่ายๆ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ เพื่อไม่ให้สายตาเกิดปัญหาจากการใช้งานอุปกรณ์ดังกล่าว หรือที่เรียกว่า คอมพิวเตอร์ วิชั่น ซินโดรม

เริ่มจากการใช้สายตามองจอคอมพิวเตอร์ ควรพักสายตาทุกๆ ½ หรือ 1 ชั่วโมง นาน 5 - 10 นาที โดยหันหน้าออกจากจอคอมพิวเตอร์เพื่อมองสิ่งอื่นๆ เช่น ต้นไม้สีเขียว ให้รู้สึกสบายตา ลดความเมื่อยล้าของดวงตา และเพื่อป้องกันอาการตาแห้งที่มักทำให้รู้สึกแสบตาร่วมกับอาการน้ำตาไหลให้กระพริบตาถี่ๆ ระหว่างมองจอคอมพิวเตอร์จะช่วยลดปัญหาดังกล่าวได้

ส่วนเรื่องของอาหารการกินที่เป็นประโยชน์กับดวงตา ให้รับประทานอาหารที่มีวิตามิน แคโรทีน วิตามินบี และเอบี ผักใบเขียวทุกชนิดไม่ใช่แค่ผักบุ้งตามความเชื่อเท่านั้น และที่สำคัญไม่แพ้อาหารคือการพักผ่อนด้วยการนอนหลับอย่างเพียงพอ ป้องกันดวงตาขุ่นหมองอิดโรยและเหนื่อยล้า

สุดท้ายสำคัญ เพราะสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนไปหลังจากโลกร้อนขึ้น พาให้แสงแดดยิ่งร้อนแรงสว่างจ้าจนสายตาสู้ไม่ไหว ดังนั้น จึงควรสวมแว่นกันแดดเพื่อลดทอนแสงยูวีถือเป็นการถนอมจอประสาทตา ทั้งยังช่วยป้องกันฝุ่นละอองที่พัดมากับลมได้

เพียงแค่ดูแลดวงตาตามข้อควรปฏิบัติขั้นพื้นฐาน ก็จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสายตา ส่วนผู้ที่มีปัญหาสายตาอยู่แล้ว ก็จะช่วยหยุดยั้งไม่ให้ปัญหารุนแรงขึ้นได้

takecareDD@gmail.com

สารสกัดหรือตัวยาที่ทำให้ผิวขาว


ทราบหรือไม่ว่า สารหรือตัวยาชนิดใดที่ทำให้ผิวหน้าขาว วันนี้มีเรื่องนี้มาฝาก...

- กลูตาไธโอน ลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน ต้านการเสื่อมของเซลล์ผิว ส่งผลให้ผิวหน้า ขาวสวยใส เปล่งปลั่งไร้รอยด่างดำ รวมถึงผิวทั่วเรือนร่าง เช่น ใต้วงแขน ริมฝีปาก และบริเวณหัวนม ให้ขาวอมชมพู

- สารสกัดจากเปลือกสน ทำให้ผิวขาวใส โดยลดปฏิกิริยาของผิวหนังเมื่อถูกแสงแดด ลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน ลดขนาดและความเข้มของฝ้า กระและช่วยปรับสภาพผิวให้กลับขาวใสขึ้น

- สารสกัดจากเมล็ดองุ่น สารต้านอนุมูลอิสระในเมล็ดองุ่น ช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว ทำให้เนื้อเยื่อโครงสร้างผิวแข็งแรง ปกป้องเนื้อเยื่อโครงสร้างผิวจากการทำลายของอนุมูลอิสระ ลดการเกิดริ้วรอย ลดความหยาบกร้าน หมองคล้ำ ทำให้ผิวใส เรียบเนียน

- ชาเขียวสกัด ปกป้องและรักษาผิวจากการทำลายของมลภาวะ โดยเฉพาะแสงแดด ช่วยฟื้นฟูและปรับสภาพผิว ให้กลับคืนสู่สภาพปกติ ช่วยให้ผิวขาวขึ้นและชะลอการเกิดริ้วรอย

- โคเอนไซม์คิวเทน ช่วยลดการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว บำรุงผิวให้แข็งแรง ลดการเกิดริ้วรอย ด้วยการเร่งการผลิตคอลลาเจน ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ เพิ่มความชุ่มชื้นให้เซลล์ผิว ทำให้ผิวยืดหยุ่นแข็งแรง

- วิตามินซี เสริมสร้างคอลลาเจน ช่วยลดการเกิดริ้วรอย ลดการถูกทำลายของเซลล์ผิวจากอนุมูลอิสระ ช่วยคงความแข็งแรงของผิว ช่วยผลัดเซลล์ผิวและเผยผิวขาวเนียน

- สารสกัดจากมะเขือเทศ ลดรอยดำ และความหมองคล้ำจากแสงแดด ลดการถูกทำลายของผิว ช่วยปกป้องจาการทำลายของอนุมูลอิสระ ช่วยลดการเกิดริ้วรอย

- วิตามินอี เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ลดเลือนริ้วรอย

- ซีลิเนี่ยม ลดการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว ทำงานเสริมกับวิตามินซี และ วิตามินอี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของ กลูตาไธโอน

ก่อนใช้สารหน้าขาวตัวไหนลองปรึกษาผู้เชี่ยวชาญอีกครั้งเพื่อความปลอดภัย.

อาหาร..ก็เสริมอกอึ๋มได้ดังใจ


เภสัชกรหญิงนันทวดี พิทยาพิบูลย์พงษ์ ผู้จัดการพัฒนาธุรกิจความงามและสุขภาพ บริษัท Venus aesthetic ให้ข้อมูลว่า การที่หน้าอกหย่อนไม่ได้รูปนั้น เกิดจากอิลาสตินคอลลาเจน (เนื้อเยื่อตรงฐานอก ซึ่งเป็นส่วนที่ทําให้หน้าอกมีความยืดหยุ่นและคงตัว) ไม่แข็งแรง และสาเหตุที่ไม่แข็งแรงนั้น ก็เพราะการรับประทานอาหารแบบทุโภชนาการ รวมถึงการอดอาหารลดน้ำหนักที่ไม่ถูกต้อง

ส่วนประกอบของร่างกายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า คือโปรตีนและไขมัน แต่อาหารที่ผู้หญิงนิยมรับประทานกันคือ ผักและผลไม้ ซึ่งเป็นส่วนของพลังงานทั้งสิ้น แต่ในความจริงแล้วร่างกายของเราต้องมีการสร้างซ่อมตลอดเวลา และวัตถุดิบในการสร้างซ่อม ก็มาจากอาหารที่เราบริโภคเข้าไปสู่ร่างกาย

ดังนั้น หากเราไม่รับประทานอาหารที่ร่างกายสามารถนําไปสร้างซ่อมได้ ร่างกายก็จะย่อยเนื้อเยื่อออกมาก่อนแล้วนํากลับไปใหม่ ทําให้ไม่สามารถซ่อมแซมส่วนที่ต้องซ่อมแซมได้ รวมทั้งการย่อยแบบนี้จะทําให้เนื้อเยื่อต่างๆ หลวม รวมไปถึงเนื้อเยื่อตรงฐานหน้าอกด้วย และนี่คือคําตอบว่าทําไมหน้าอกของเราจึงหย่อนและไม่กระชับ

คําแนะนําการรับประทานอาหาร เพิ่มอกอึ๋ม "หากต้องการให้หน้าอกของเรากระชับและตั้งขึ้น จะต้องเปลี่ยนวิธีการบริโภคอาหารเสียใหม่ คือรับประทานให้ครบถ้วน โดยเน้นโปรตีนให้เพียงพอ เพราะการรับประทานโปรตีนอย่างเพียงพอ จะทําให้ร่างกายมีวัตถุดิบในการสร้างซ่อมตัวเอง"

วิธีรับประทานโปรตีนที่ถูกต้อง ให้ใช้ฝ่ามือของตัวเองชี้วัด เริ่มตั้งแต่มื้อเช้า ควรรับประทานโปรตีนประมาณครึ่งฝ่ามือหรือ ไข่ 1 ลูก, มื้อกลางวัน รับประทานโปรตีน 3/4 ของฝ่ามือ และมื้อตอนเย็น รับประทานโปรตีนให้เท่ากับ 1 ฝ่ามือ เหตุที่ต้องรับประทานโปรตีนให้มากในช่วงเย็นนั้น เพราะ 70% ของร่างกายจะถูกซ่อมแซมขณะที่เรานอนหลับ

การรับประทานอาหารและออกกําลังกาย บริหารหน้าอก ใส่ชุดชั้นในอย่างถูกต้อง ก็คงจะเพียงพอแล้วที่จะช่วยให้หน้าอกของคุณกระชับ ได้รูปสวยดังใจ แบบไม่ต้องเจ็บตัว

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : women.sanook.com

วิธีแก้ไข..เมื่อแต่งหน้าพลาด!


วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีวิธีแก้ไขเมื่อเวลาแต่งหน้าพลาดมาบอก...

- รองพื้นหนาเกินไป
ให้ใช้สเปรย์น้ำแร่ฉีด จากนั้นใช้พัฟฟองน้ำเกลี่ยรองพื้นที่ลงไว้ให้ทั่ว พอหน้าแห้งก็พร้อมแต่งหน้าขั้นตอนต่อไปได้เลย

- เขียนคิ้วเข้มเกิน
หยิบมาสคาร่าสีทอง หรือสีน้ำตาลทองมาปัดทับคิ้ว สีคิ้วจะดูอ่อนลงทันที

- ลงอายแชโดว์สีเข้มเกิน
ใช้พู่กันแต่งหน้าด้ามยาวหัวแปรงเล็กค่อยๆ ปัดฝุ่นอายแชโดว์ที่เกินออก

- อายไลเนอร์แบบน้ำ ทาแล้วเส้นไม่คมสวย หรือไม่เป็นเส้นแบบที่ต้องการ
เขียน อายไลเนอร์ให้เส้นใหญ่ขึ้น เพื่อกลบความผิดพลาด แต่ถ้าต้องการเขียนใหม่ให้ใช้คลีนเซอร์ลบเครื่องสำอาง ลบความไม่เรียบร้อยของเส้น แค่เกลี่ยบริเวณที่เกิน รอให้แห้ง เท่านี้ก็พร้อมลงอายไลเนอร์ใหม่แล้ว

- ปัดมาสคาร่าเลอะใบหน้า
ให้ใช้คอตตอนบัดจุ่มอายรีมูฟเวอร์แล้วเช็ดบริเวณที่เลอะออกทันที จากนั้นใช้แปรงแต้มแป้งเกลียบริเวณดังกล่าวให้เรียบเนียน

- ปัดแก้มแดงเกินไป
ให้ ใช้บลัชออนสีอ่อนกว่า เลือกแบบมีประกายมุกปัดทับ สีจะดูอ่อนลงทันที หรือถ้ารู้สึกว่าเกินเยียวยา ให้ใช้พู่กันขนาดใหญ่แต้มแป้งทูเวย์ แล้วนำมาปัดแก้มทั่วบริเวณ และที่สำคัญ ให้ใช้พู่กันขนาดใหญ่ ห้ามใช้พัฟเด็ดขาด เพราะจะทำให้แป้งดูหนาเกินไป

ลองนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันดูได้

ขอบคุณข้อมูลจาก : เดลินิวส์ออนไลน์

4 สุดยอดมอยซ์เจอไรเซอร์



มองหาครีมบำรุงผิวกันอยู่หรือเปล่า?...ถ้าใช่ เราขอบอกว่าการช็อปครั้งนี้ เห็นทีควรเพิ่มคุณค่าต่อผิวด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ และมีสารสังเคราะห์ผสมน้อยที่สุด เพื่อให้ผิวเราได้แต่สิ่งดีๆ ที่ร่างกายสามารถดูดซับและทำงานได้อย่างสมดุล แทนที่จะไปสะสมในตับและขับออกมาไม่ได้ กลายเป็นสารพิษสะสมในที่สุด

สารสกัดจากธรรมชาติที่ว่า มีที่มาจากทั้งพืช สมุนไพร ดอกไม้ น้ำผึ้ง ฯลฯ ที่มาจากธรรมชาติล้วนๆ โดยร่างกายสามารถย่อยสลายได้เอง ในขณะที่สารสังเคราะห์นั้น สกัดมาจากระบวนการทางเคมี ที่ร่างกายอาจต่อต้าน สิ่งหนึ่งที่ฟ้องได้ถึงการไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับเรา ก็คือการแพ้หรือเกิดผดผื่น ซึ่งเป็นการทำงานตามธรรมชาติที่ร่างกายจะขับพิษออกมาผิวหนังนั่นเอง

สำหรับสารสกัดธรรมชาติที่ต่อการบำรุงผิวนั้น มีอยู่ไม่น้อยเลยที่น่าสนใจ เพราะให้ทั้งคุณค่าสำคัญ และยังเป็นปราการป้องกันผิวที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย ลองมาดูหน่อยมั้ยว่า สารสกัดที่ควรมองหามีอะไรกันบ้าง...

โจโจบาออยล์ : สุดยอดความชุ่มชื่น

น้ำมันชนิดนี้สกัดมาจากส่วนของเมล็ดที่มีความนุ่มนวล อ่อนโยนต่อผิว ให้ความชุ่มชื่นสูง และช่วยรักษาระดับความสมดุลไขมันในชั้นผิวได้อย่างดี ที่สำคัญยังช่วยต้านแบคทีเรีย ลดเลือกควาหมมองคล้ำ และยังดีต่อการต้านชะลอริ้วรอยอีกด้วย

ชาเขียว : ลดความหมองคล้ำ และรอยแดงที่ผิว

นี่ล่ะ สารแอนติออกซิแดนท์ชั้นดีที่ให้ประโยชน์กับผิวไม่ต่างการการดื่มชิม เพราะช่วยเสริมสร้างเซลล์ที่เสื่อมถอยให้แข็งแรง คล้ายๆ การเติมออกซิเจนให้ผิว ทำให้ผิวสดใส น่ามอง และยังช่วยลดรอยสิว ผื่นแดง เป็นที่แนะนำสำหรับผิวบอบบางโดยเฉพาะ

ผลทับทิม : ชะลอริ้วรอยของวัย ยังยั้งความร่วงโรยของผิว

เพราะทับทิมมีวิตามินซีสูง และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อผิว ผิวจึงแข็งแรงมากขึ้น เปล่งปลั่ง สดใส ทั้งน้ำมันในทับทิมยังช่วยลดริ้วรอยให้จางลง มีผลวิจัยยืนยันด้วยว่า น้ำมันจากทับทิมช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิว และกระตุ้นคอลลาเจนได้ดีอีกด้วย

ว่านหางจระเข้ : ลดความมัน และลดการอักเสบของผิว

เราถูกแนะนำอยู่บ่อยๆ ว่าว่านหางจระเข้ดีต่อการรักษาแผลไหม้ ด้วยคุณสมบัติเดียวกันนี้ ว่านหางจระเข้จึงดีต่อผิวในการให้ความชุ่มชื่น ในขณะเดียวกันก็ช่วยลดความมัน ลดการระคายเคือง รอยแดง และช่วยบำรุงผิวที่แห้งกร้านให้กลับมานุ่มนวล ชวนสัมผัส


วิตามินที่ "ผม" ถามหา



ผิวพรรณของเรานั้น กว่าจะสวยงาม เนียนใสได้ ก็ย่อมต้องการการบำรุงทั้งจากภายนอกและภายใน เช่นเดียวกับเส้นผมของเรา ที่ต้องการทั้งผลิตภัณฑ์คุณภาพดีมาบำรุงให้แข็งแรง พร้อมกันนั้นก็ดูแลตามธรรมชาติด้วยการกินที่เหมาะสม เพื่อให้ส่งไปถึงเส้นผมด้วย เรากำลังบอกว่า การกินนั้นสำคัญไปถึงเส้นผมสวยๆ ด้วย ก็เหมือนที่เราได้ยินกันบ่อยให้ว่ากินมะเขือเทศเยอะๆ ผิวจะได้สวย เส้นผมและหนังศีรษะก็เหมือนกัน ที่ต้องการวิตามินจากอาหารมาบำรุงให้แข็งแรง นุ่มสลวย และเงางามตามธรรมชาติ โดยมีเงื่อนไขเล็กน้อยก็เพียงแค่ว่า เราต้องกินอย่างสม่ำเสมอ และดูแลภายนอกประกอบกัน

และเหล่านี้คือวิตามินสำหรับสุขภาพผมที่เราอยากแนะนำ

วิตามินเอ

เป็นวิตามินที่อุดมด้วยสารแอนติออกซิแดนท์ที่ดีต่อการบำรุงต่อมไขมัน และหนังศีรษะ พบได้จากปลา น้ำมันปลา เนื้อสัตว์ นม ไข่ ผักโขม ผักกาด และแครอต

วิตามินซี

มากด้วยคุณค่าที่ดีทั้งต่อผิวและเส้นผม พบในผลไม้รสเปรี้ยว กีวี แคนตาลูป มะเขือเทศ มะเขือเทศ และผักสีเขียวเข้มทั้งหลาย

วิตามินอี

ดีต่อคนที่มีรังแคอย่างมาก เพราะช่วยส่งเสริมการไหลเวียนของหนังศีรษะ พบได้จากธัญพืช ถั่วเหลือง น้ำมันพืชหีบเย็น และผักใบเขียว

ไบโอติน

เป็นวิตามินที่ผลิตจากเคราติน ช่วยป้องกันการหลุดร่วงของเส้นผมและผมขาวได้ดี หาได้จากยีสต์หมัก ไข่แดง ตับ ข้าว และนม

ไอโนซิทอล

เป็นวิตามินที่ช่วยเรื่องรูขุมขนและเซลล์เส้นผมให้แข็งแรง หาได้จากธัญพืชต่างๆ ยีสต์หมัก ตับ และผลไม้รสเปรี้ยว

ไนอาซิน

หรือในอีกชื่อว่าวิตามินบี 3 ที่ช่วยเรื่องการไหลเวียนของหนังศีรษะ พบได้จากเนื้อสัตว์ต่างๆ เช่น ไก่ ปลา และแป้งสาลี

แพนโทเธนิค

หรือวิตามินบี 5 ที่ดีต่อการป้องกันผมขาว และการหลุดร่วงของเส้นผม แหล่งอาหารคือซีเรียลธัญพืช เครื่องในสัตว์ และไข่แดง

วิตามินบี 6

ดีต่อการป้องกันผมหลุดร่วง และช่วยรักษาสีผม (ตามธรรมชาติ) หาได้จากผัก ตับ ซีเรียล ธัญพืช เครื่องใน

วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2552

อยากสวยเด้งทันใจ แต่กลัวเข็ม ขยาดศัลยกรรม ต้องลอง Nano Philosophy

เพิ่งเปิดตัวหมาดๆ ศูนย์นวัตกรรมความงาม “Nano Philosophy Aesthetic and Wellness Centre” แห่งแรกของเมืองไทย ที่ให้บริการคอร์สทรีตเมนต์ด้วยผลิตภัณฑ์นาโน ผ่านอุปกรณ์ฉีดยาแบบไร้เข็ม ชนิดว่าให้คุณสวยเด้งเร็วสมใจ โดยไม่ต้องใช้เข็มฉีด ไม่ต้องใช้มีดผ่าตัด



"แบรนด์ Nano Philosophy มาจากสิงคโปร์ และกระจายไปเป็นโกลบอลคอมพานี (Global Company ) เราเป็นคนที่นำมาขายเจ้าแรกในเมืองไทย ได้ลิขสิทธิ์มาเพียงผู้เดียว ซึ่งมีแผนว่าภายใน 3 เดือนจะขยายสาขาอีก 3 แห่ง เล็งๆ ไว้เป็นแถวสยามฯด้วยครับ”

ชลวรรัฐฏ์ วรัฐวรัญญ์ ประธานบริหาร บริษัทชลวรรัชฎ์ จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนนำเข้าผลิตภัณฑ์และเจ้าของผู้บริหารศูนย์นวัตกรรมความงามแห่งนี้ ขยายความคำว่า Nano Philosophy ให้ฟังว่า

"เป็นเวชกรรมความงามที่ผสานเทคนิคระดับนาโนเทคโนโลยี คิดค้นขึ้นโดยสถาบันวิจัยนาโนเทคโนโลยีจากฝรั่งเศส และญี่ปุ่น มีสารประกอบหลัก เช่น Plant Stemcells ช่วยลดเลือนริ้วรอย Astaxanthin เพิ่มความชุ่มชื่น Hyaluronic Acid ที่คุ้นหูกันมาก เพราะอยู่ในเครื่องสำอางแบรนด์ดังหลายตัว ตัวนี้มีคุณสมบัติซ่อมแซมเติมเต็มผิว Peptides สารโปรตีนที่ช่วยบำรุงสมอง และ Argireline สายโปรตีนขนาดเล็ก ที่มีการทดสอบกับอาสาสมัครแล้วพบว่า ริ้วรอยรอบดวงตาลดลงเฉลี่ย 17% ใน 15 วัน และลดลงสูงสุด 50% เฉลี่ย 27% ใน 30 วัน”

อีกทั้งยังได้รับการรับรองความปลอดภัยจากสถาบันต่างๆ ทั่วโลก รวมทั้งองค์การอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุขของไทย



คอร์สทรีตเมนต์ที่เปิดบริการ อาทิเช่น Nano Lift & firm ช่วยยกกระชับ เช่นยกหางคิ้ว เมื่อเราฉีดหางคิ้วที่ตกมันก็จะยกขึ้นเอง เห็นการเปลี่ยนแปลงเลย อยู่ได้ประมาณ 6 เดือน แต่จะไม่เหมือนโบท็อกซ์ ส่วน Nano nose Fullfil ช่วยในการเสริมดั้ง ครั้งแรกก็เห็นเลยว่าโด่งขึ้น สารตัวนี้อยู่ได้ 2 ปี หลังจากนั้นมันก็จะสลายหายไป หรือ Nano Body Resize ช่วยลดสัดส่วน สลายเซลลูไลท์ และไขมันส่วนเกิน เช่น แขน ขา น่อง เอว สะโพก เป็นต้น

และ ชลวรรัฐฏ์ ก็อธิบายเทคนิคที่ว่า 'ฉีด' ของเขาว่าใช้ Injex Sing

“เป็นอุปกรณ์ฉีดยาแบบไร้เข็ม เป็นลักษณะของการผลักตัวยาเข้าไปในรูปแบบของเหลวโดยตรงสู่ใต้ผิวหนังซึ่งใช้งานง่าย เป็นอีกทางเลือกของผู้ที่กลัวเข็ม และกลัวเจ็บ ถ้าเป็นที่อื่น ทรีตเมนต์ของเค้าอาจมีการผลักตัวยาหลายแบบ ทั้งใช้เข็ม ผ่านคลื่นความถี่ บางอันก็เป็นไอออนโต ที่ช็อตๆ เจ็บๆ แต่ของเราเป็นลักษณะเหมือนหลอดฉีดยา ตัดหน้าเรียบ ไม่มีเข็ม มีตัวกระบอกที่อัดแรงดัน”

จึงทำให้เนื้อผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นระดับอนุภาคนาโนที่เล็กมากอยู่แล้ว สามารถเข้าไปสู่ใต้ผิว ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดเร็วยิ่งขึ้น


“ผู้ใช้บริการ Nano Philosophy จะเห็นผลของการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว ขั้นตอนน้อย ไม่ยุ่งยาก เห็นผลชัดเจน และสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า โดยมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด”

ตั้งอยู่ริมถนนลาดพร้าว ก่อนถึงซอย 26 นิดเดียว สาวใดขับรถไป สามารถเข้าไปจอดรถในลาดพร้าวซอย 26 และเข้าประตูด้านหลังได้เลย และสาวใดที่ปรารถนาสวยต่อเนื่อง สามารถช้อปผลิตภัณฑ์นำกลับไปใช้เองที่บ้านได้อีกต่างหาก

สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 02 512 0027-8

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : ASTV ผู้จัดการออนไลน์

วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2552

10 คำถาม ก่อนทำ ศัลยกรรม


ศัลยกรรม สไตล์เ กาหลี ฮิต ฮอต ผ่าตัด แปลงเพศ หน้าอก จมูก เสริม ดารา

สำหรับสาวท่านใดที่ปรารถนาจะไปรับการผ่าตัดตกแต่งใบหน้า หรือสัดส่วนอื่นของร่างกาย ลองตอบ 10 คำถามต่อไปนี้กันสักหน่อย เพื่อเป็นการครุ่นคิด ไตร่ตรอง พินิจพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่คุณจะเจ็บปวด สิ้นเปลือง และเกิดผลแทรกซ้อนตามมา หรืออาจจะสวยใสไฉไลกว่าเก่า ซึ่งมีความเป็นไปได้ทั้งสองทาง

1. หลังผ่าตัดตกแต่งจนคุณสวยเด้งแล้ว คุณเชื่อว่าจะนำมาซึ่งโอกาสดี ๆ ในชีวิต ใช่หรือไม่? แม้ว่ารูปร่างหน้าตาของคุณอาจจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น แต่ก็มิได้เป็นหลักประกันว่าคุณจะได้งานดี ๆ ลอยมาหา หรือคนรักที่จากไปจะกลับมา เพียงเพราะหน้าตาคุณดูดีกว่าเก่า จมูกคุณโด่งกว่าเดิมหรอก

2. เงินที่คุณต้องจ่ายนั้น พอหรือไม่? การทำศัลยกรรมเป็นที่ทราบกันดีว่ามีราคาแพงลิบ ดังนั้น ก่อนคิดที่จะทำอะไร ควรที่จะศึกษาราคาให้ดีก่อน ถ้าหากเข้ารับการผ่าตัดแล้วต้องสิ้นเปลืองเงินทอง จนต้องไปกู้หนี้ยืมสิน หรือสร้างความเดือดร้อนให้ตัวเองและผู้อื่น ก็อย่าทำดีกว่า เพราะมันไม่คุ้มกับการต้องแบกความทุกข์เอาไว้หรอก

3. เคยคิดไหม หลังผ่าตัดตกแต่ง คุณต้องให้เวลาพักฟื้น? หลายคนมักคิดว่า ลอยหน้าลอยตาเข้าไปทำศัลยกรรมสักชั่วโมงสองชั่วโมง ก็ออกมาสวยได้ดั่งใจ เดินเฉิดฉายไปไหนต่อไหนได้ทุกที่ ซึ่งอันที่จริงแล้ว คนที่คิดเช่นนี้มันเป็นเพียงแค่ฝันหวาน เพราะหลังจากการทำศัลยกรรมนั้น โดยทั่วไปแล้วต้องใช้เวลาพักฟื้นอย่างน้อยที่สุดคือ 2-3 สัปดาห์ หรือบางรายอาจจะเป็นเดือน เพื่อให้อาการอักเสบ บวมแดง หรือรอยช้ำจ้ำเลือดจากการผ่าตัดจางลง

4. สุขภาพคุณแข็งแรงพอที่จะรับการผ่าตัดไหม? ก่อนจะเข้ารับการผ่าตัดตกแต่ง คุณควรสอบถามแพทย์ประจำตัวคุณให้ดีเสียก่อนว่า สุขภาพร่างกายของคุณพร้อมไหมสำหรับการผ่าตัดที่กำลังจะเกิดขึ้น เพราะถ้าไม่รัดกุมในเรื่องนี้แล้วดันพลาดขึ้นมา คุณวูบดับคาเตียงผ่าตัด โอกาสแก้ไขก็คงไม่มีอีกแล้ว

5. คุณเป็นสิงห์หอมควันหรือไม่? การสูบบุหรี่ทำให้เส้นเลือดที่มาหล่อเลี้ยงผิวหนังหดตัว มีผลทำให้ผิวหนังมีสุขภาพไม่แข็งแรง หากต้องการรับการผ่าตัดบางอย่าง อาจเกิดปัญหาขึ้นได้

6. การผ่าตัดตกแต่งที่กำลังจะเกิดขึ้น คุณได้การยอมรับจากแพทย์ท่านอื่นไหม? คุณอาจได้ฟังโฆษณาชวนเชื่อถึงวิธีการผ่าตัดตกแต่งแบบแปลก ๆ ใหม่ ๆ มามากมายหลายอย่าง ถ้าคุณต้องทำการแปลงโฉมตัวเองด้วยหนึ่งในวิธีเหล่านั้น คุณควรลองฟังความเห็นของแพทย์ท่านอื่น ๆ ที่เชี่ยวชาญทางด้านนี้ดูบ้าง ถ้าไม่อยากเป็นหนูลองยา

7. ควรวาดภาพไหมว่า หลังการผ่าตัดตกแต่งแล้วคุณจะออกมาเป็นอย่างไร? สถานศัลยกรรมความงามหลายแห่งมีเครื่องมือและเทคโนโลยีอันทันสมัย ที่สามารถวาดภาพของคุณหลังการผ่าตัดตกแต่งออกมาให้ดูก่อนได้ แต่ถ้าคุณคาดหวังที่จะสวยเทียบเคียงนางงามจักรวาลแล้วล่ะก็ อาจจะมีผิดหวังกันได้

ดังนั้น หวังได้ แต่อย่าให้เกินจริง และที่สำคัญผลงานที่ออกมาจะดีหรือไม่ดีอย่างไร คุณควรเช็กดูจากผลงานเก่า ๆ ของแพทย์ประจำตัวคุณด้วย เพื่อเป็นอีกทางที่จะการันตีว่า การยอมเจ็บตัวครั้งนี้จะไม่สูญเปล่า

8. คุณแน่ใจในอวัยวะที่คุณจะเปลี่ยนแปลงแล้วใช่หรือไม่? บางคนไปรับการศัลยกรรมจมูกมา เพราะรู้สึกว่าจมูกตัวเองไม่สวย แต่พอผ่าเสร็จแล้วมาเห็นคนอื่นไปผ่าตัดตา หน้า คาง คิ้ว และหน้าอก ก็ชักจะเกิดความลังเลใจว่า ควรจะทำอย่างอื่นเพิ่มดีไหม

ตรงนี้ขอให้คุณเข้าใจว่า ถ้าจมูกคุณไม่สวย คุณก็แก้ไขจมูกให้ถูกใจ แต่ถ้าจมูกคุณเปลี่ยนไป ส่วนต่าง ๆ บนใบหน้าหรือร่างกายก็อาจจะกลายเป็นจุดด้อยของคุณแทนจมูก วิธีที่ดีที่สุด คือ การปรึกษาแพทย์ และแก้ไขในจุดอื่น ๆ ไปพร้อม ๆ กัน เพื่อให้ได้ผลที่สมบูรณ์แบบ และทำให้คุณพึงพอใจ

9. คุณพร้อมจะฟังคำแนะนำของแพทย์ท่านอื่นไหม? อยากให้คิดสักนิดสำหรับคนที่กำลังคิดจะเข้ารับการผ่าตัดตกแต่ง คุณไม่จำเป็นต้องเร่งด่วนตัดสินใจ ควรนั่งคิด นั่งนึกถึงผลดีผลเสียที่จะเกิดขึ้นก่อน

และยิ่งคุณสามารถที่จะปรึกษาแพทย์ได้หลาย ๆ คนก็ยิ่งเป็นเรื่องที่ดี เพราะคุณจะได้เอาหลากหลายความคิดเห็นของผู้ที่เชี่ยวชาญ มาเป็นองค์ประกอบในการตัดสินใจ แถมยังสามารถเปรียบเทียบทักษะความรู้ความชำนาญของแพทย์หลาย ๆ ท่านได้ด้วยว่า ท่านไหนเหมาะจะทำการผ่าตัดให้คุณมากที่สุด

10. คุณมั่นใจในความสามารถของแพทย์ที่จะทำการผ่าตัดตกแต่งคุณแค่ไหน? รู้กันดีว่า แพทย์ที่ไม่ได้รับการฝึกหัดทางด้านศัลยกรรมศาสตร์โดยตรง หลายท่านหันมาจับงานด้านนี้ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะใจรัก หรือปัญหาทางเศรษฐกิจก็ตามที แต่คนไข้อย่างคุณก็ควรจะศึกษาในเรื่องนี้ให้ละเอียดก่อน อาจจะหาข้อมูลเก่า ๆ ของแพทย์ประจำตัวคุณหรือผลงานที่ผ่านมามาประกอบการตัดสินใจ เพราะของแบบนี้มันไม่เข้าใครออกใคร

ถ้ามือไม่ถึง จะด้วยได้รับการฝึกฝนมาไม่เพียงพอ หรือปัญหาต่าง ๆ นานาประการก็ตาม ท้ายที่สุดคนซวยก็คือคุณ ดังนั้น หาแพทย์ที่ไว้วางใจเพื่อความสบายใจของคุณ

ที่มาจาก First

ดาราเกาหลี ภาพก่อน-หลังทำ ศัลยกรรม !!!

ศัลยกรรม สไตล์เ กาหลี ฮิต ฮอต ผ่าตัด แปลงเพศ หน้าอก จมูก เสริม ดารา


ภาพประกอบจาก chaeyeon.15.forumer.com

คำถามสุดท้าย

คุณกล้าบอกมั้ยว่าไปทำศัลยกรรมมา??

ขอบคุณข้อมูลจาก : women.mthai.com

รักษาผมร่วงด้วยน้ำกะทิ



ใครมีปัญหาผมร่วง วันนี้ มีวิธีรักษาผมร่วงด้วยน้ำกะทิมาฝาก...

น้ำกะทิ ขาวข้นอุดมไปด้วยสารอาหาร โดยเฉพาะโปรตีนที่ช่วยบำรุงรากผมให้ผมงอกและยาวเร็ว ทั้งป้องกันผมร่วงและผมบาง แถมยังช่วยแก้ปัญหาผมแตกปลายได้ด้วย

วิธีทำ นำหัวกะทิมาชะโลมเส้นผมและหนังศรีษะให้ทั่ว แล้วใช้ปลายนิ้วมือนวดเบาๆทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที จากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาด แล้วสระผมตามปกติ

เพียงเท่านี้ปัญหาผมร่วงก็จะหมดไป.

ลดต้นขา ด้วยสองท่าทีเด็ด



ใครขาอวบหรือกำลังเป็นกังวลกับต้นขาของตัวเอง รีบอ่านแล้วนำไปใช้ด่วน เรามี 2 ท่าทีเด็ดมาฝาก ให้คุณสาว ๆ ได้หมั่นขยันทำกายบริหารกันดู ก่อนนอนหรือตอนตื่นเช้าก็ได้ การขยับแข้งขยับขาด้วยลีลาเซ็กซี่อวดสายตาหวานใจ เขาจะดูเหมือนเราเป็นสาวใส่ใจสุขภาพ และผลที่ได้รับยังอาจช่วยลดความอวบของต้นขาอีกด้วยค่ะ

• ท่าแรก ยกเวทด้วยขา

อุปกรณ์ มีแค่เวท 1 กิโลกรัม โดยนอนราบกับพื้น ผูกเวทติดไว้กับขาแล้วยกให้สูงจากพื้น 45 องศา ค้างไว้ โดยนับ 1-5 ในใจช้าๆ ค่อยๆ ทำ พอร่างกายเริ่มชินกับน้ำหนักของเวทแล้ว ก็เริ่มยกขึ้น-ลงให้เร็วขึ้นโดยทำทีละข้าง ๆ ข้างละเท่า ๆ กัน ถ้ามีเวท 2 อันก็อาจยกขึ้นลงสลับกันก็ได้ เมื่อชำนาญแล้วอาจยกให้สูงขึ้นกว่าเดิมอีก เน้นให้ต้นขาได้ขยับเขยื้อน ทำเช่นนี้ 3 เซต เซตละ 10 ครั้ง พยายามให้ได้อาทิตย์ละ 2-3 ครั้งก็จะดี

• ท่าสอง ลดต้นขาด้านใน

โดยการนอนราบลงบนพื้น ไขว้ข้อเท้าไว้ด้วยกัน งอเข่าเข้ามาให้ชิดตัวแล้วค่อย ๆ ยืดออก จากนั้น ให้คลายเท้าทั้งสองออกจากกันกลับมาสู่ท่าเดิมแล้วเริ่มทำใหม่ ทำสักประมาณ 24 ครั้งต่อวัน ต้นขาด้านในของคุณจะดูเล็กลง

ที่มา : healthcorners.com

ลูกพรุน ดีต่อสุภาพสตรี



ลูกพรุน : เป็นแหล่งโปแตสเซียม เหล็ก และไฟเบอร์ ที่สำคัญพรุนช่วยทำให้ผิวพรรณมีเลือดฝาด คงความเป็นหนุ่มเป็นสาว คนเรานั้นเมื่อผ่านช่วงสดใสของชีวิตคือวัย 25 ปี ร่างกายจะเริ่มเสื่อมโทรม ไขมันเริ่มเข้าสะสมตามที่ต่าง ๆ ใบหน้าที่เคยเอิบอิ่มด้วยเลือดฝาดก็เริ่มหมองคล้ำ ผิวพรรณจากสีชมพูระเรื่อก็เริ่มซีดโทรม ธาตุเหล็กที่มีมากในลูกพรุน จะช่วยดูแลเรื่องนี้ ควบคู่กับภาวะที่สตรีต้องสูญเสียเลือด และธาตุเหล็กไปกับประจำเดือนอีกด้วย ลูกพรุน เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ (เส้นใย) ธาตุเหล็กสูง นอกจากนี้ยังมีวิตามิน และแร่ธาตุหลายชนิด เช่น วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินซี โพแทสเซียม แคลเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียมและสังกะสี ลูกพรุนมีไขมันต่ำ แคลอรี่น้อย และสรรพคุณเป็นยาระบายอ่อนๆ มีคุณสมบัติ สามารถอุ้มน้ำไว้ระหว่างใย จึงทำให้กากอาหารนิ่ม และมีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงาน ของลำไส้ ให้มีการเคลื่อนไหวบีบตัว ได้ดีขึ้น จึงทำให้ท้องไม่ผูก องค์ประกอบที่วิเศษ อีกอย่างคือ เป็นเส้นใยที่ละลายน้ำได้ จึงทำหน้าที่ ไปขัดขวาง การดูดซึมของไขมัน และน้ำตาลในเลือด ซึ่งเหมาะกับผู้สูงอายุ ที่เป็นเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจ ที่อาจเกิดอันตรายได้หากมีการเบ่งอุจจาระแรง

ในลูกพรุน มีกากใยธรรมชาติ Dietary fiber จำนวนมากหลายชนิด ซึ่งเป็นทั้งชนิดที่ละลายน้ำได้ และละลายน้ำไม่ได้ กากใยอาหารนี้มีส่วนช่วยลดโคเลสเตอรอลได้ และจากการทดลองรับประทานลูกพรุน พบว่าสามารถลดไขมันในเลือด (LDL cholesterol) ในผู้ป่วยที่มีไขมันในเลือดสูงได้ พบว่ากลไกดังกล่าวเกิดจากกากใยอาหารชนิด เซลลูโลสซึ่งละลายน้ำไม่ได้ และเพ็คตินซึ่งละลายน้ำได้ มีสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงอีกจำนวนมาก นอกจากนี้น้ำลูกพรุนยังเป็นอาหารที่วิตามินซี วิตามินอี แหล่งที่ดีของธาตุเหล็ก และไฟเบอร์หรือกากใยอาหาร น้ำลูกพรุนแม้จะมีรสหวานแต่ส่วนมากประกอบไปด้วยน้ำตาลชนิด ฟลุคโตสและซอร์บิทอล ซึ่งไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงอย่างรวดเร็ว ที่สำคัญ ยังช่วยระบายและรักษาอาการท้องผูกได้อย่างปลอดภัยทั้งในผู้ใหญ่ และในเด็กเล็ก แต่ถ้าเป็นเด็กเล็กก็ควรปรึกษาแพทย์ด้วยเสมอ


ที่มา : WeB-THA

4 สูตรลับจาก Apple cider Vinegar (น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล)



สาวๆ หลายคนคงรู้จักกันดีกับน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล (Apple Cider Vinegar) หรือที่เรียกง่ายๆ ว่า แอปเปิลไซเดอร์ ซึ่งใช้กรรมวิธีหมักหัวเชื้อน้ำส้มกับผลแอปเปิลนั่นเอง

แล้ว Apple cider Vinegar (น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล) นี้มีประโยชน์ต่อสุขภาพ อย่างไรบ้าง เรามาดูกัน

แก้เจ็บคอ

ใช้ Apple cider Vinegar (น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล) 1 ส่วน และน้ำผึ้ง 1 ส่วนผสมให้เข้ากัน แล้วดื่มครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ ทุกๆ 4 ชั่วโมง หรือใช้ Apple cider Vinegar (น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล) อย่างเดียว 1 ช้อนโต๊ะผสมน้ำอุ่น แล้วอม กลั้วคอทุกๆ 1 ชั่วโมง จะช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอได้


ช่วยย่อย อาหารแก้ท้องอืดท้องเฟ้อ

ใช้ Apple cider Vinegar (น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล) อย่างเดียว 2 ช้อนชา ละลายในน้ำดื่ม 1 แก้ว ดื่มทุกครั้ง ก่อนรับประทานอาหาร


กำจัดรังแคและอาการคันศีรษะ


Apple cider Vinegar (น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล) มีความเป็นกรดและมีเอนไซม์ธรรมชาติหลายชนิด โดยเท Apple cider Vinegar (น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล) 2 ช้อนโต๊ะลงในถ้วย แล้วนำสำลีก้อน ที่เปียกน้ำจุ่มลงไป ทาให้ทั่วหนังศีรษะ ทิ้งไว้ 15 นาทีถึง 3 ชั่วโมง แล้วสระออกตามปกติ


ผิวเนียนสวย

ส่วนผู้ที่รักผิวพรรณยังสามารถนำ Apple cider Vinegar (น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล) 1/2 ถ้วยกับน้ำสะอาด นำมาทาบางๆ ให้ทั่วตัว ช่วยให้ผิวพรรณสะอาดนวล เนียนขึ้น

หากดูแลร่างกายกันแล้ว ก็อย่าลืมหมั่นดูแลจิตใจควบคู่กันไป

อาบน้ำ ลดหน้าท้อง



การอาบน้ำอย่างเดียวโดยที่ไม่คิดจะออกกำลังกายกันเลย หรืออาบน้ำไปกินคุ้กกี้ไป ก็ไม่สามารถทำให้น้ำหนักของคุณลดลงได้ และถ้าขืนทำอย่างนั้นจริง ระวังจะกลายเป็นช้างน้ำนะคะ คราวนี้เรามาหาวิธีลดหน้าท้องจากการอาบน้ำกันบ้าง

:: Step 1 ::
เตรียมน้ำอุ่นประมาณ 40 องศาเซลเซียส

:: Step 2 ::
นั่งคุกเข่าในน้ำในท่าตัวตรงยืดอก ใช้มือแนบที่บริเวณหน้าท้องช้าๆ ค่อยๆ ลูบกดลงเบาๆ ประมาณ 20 ครั้ง

:: Step 3 ::
หลังจากนั้นใช้ฝ่ามือคลึงบริเวณหน้าท้อง ในลักษณะวงกลมวนไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ประมาณ 20-30 ครั้ง

:: Step 4 ::
ฉีดน้ำอุ่นที่ปรับอุณหภูมิสูงขึ้นเล็กน้อย บริเวณหน้าท้อง

เท่านี้หน้าท้องของคุณก็จะกระชับขึ้น แต่ก็ขอย้ำอีกครั้งค่ะว่าควรทำควบคู่กับการควบคุมอาหาร และการออกกำลังกายอื่นๆ ด้วยค่ะ จึงจะได้ผลดีมาก

ที่มา :
healthcorners.com

วิธีกระชับคางย้อยให้เข้ารูปทรง



ใครที่กำลังหาวิธีแก้ปัญหาคางไม่ได้สัดส่วน หรือคางย้อย วันนี้เกร็ดความรู้มีวิธีกระชับคางย้อยเข้ารูปทรงมาฝากกัน


การแก้ปัญหาคางที่ไม่ได้สัดส่วน หรือคางย้อย ให้กลับมาสวยงามได้ รูปทรง คาง เป็นจุดหนึ่งที่สำคัญของความงามบนใบหน้า ตามวิธีธรรมชาติโดยไม่ต้องทำศัลยกรรมตกแต่ง ให้สิ้นเปลืองเงินทองหรือเสี่ยงอันตรายสามารถทำได้โดย

เริ่มต้นจากตอกไข่

คัดเอาแต่ไข่ขาวล้วน ๆ ตีเบา ๆ นำมาทาใต้คางและแก้มส่วนล่างที่หย่อนยาน เริ่มกระบวนการจากใต้ใบหูข้างหนึ่ง ไปอีกข้างหนึ่ง โดยใช้หัวแม่มือแตะใต้กกหู แล้วค่อย ๆ ยกขึ้น วนไปตามแก้มและคาง กดและยกเบา ๆ อยู่ประมาณ 15 นาที ถ้ากลัวเมื่อยก็เอาข้อศอกเท้าโต๊ะไว้ รอจนไข่ขาวแห้งสนิท แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ทำอย่างนี้เพียงอาทิตย์ละสองครั้งก็จะแก้ปัญหานี้ได้แล้ว


ถ้าใครรู้ตัวว่า คางไม่ได้สัดส่วน หรือคางย้อย ลองนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันได้

ที่มา : www.healthcorners.com

วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2552

สวยด้วย ดินสอพอง

ดินสอพอง


สวยด้วยดินสอพอง

ปัจจุบัน แม้วิทยาการด้านเครื่องสำอางจะล้ำหน้า จนคนส่วนใหญ่ละเลยการใช้ดินสอพองไปมาก แต่ด้วยกระแสการหันกลับมาใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ และสรรพคุณอันมากค่าของดินสอพอง ทำให้ดินสอพองกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง และยังมีการคิดค้นสูตรประทินผิวด้วยดินสอพองขึ้นมากมายหลายสูตร เช่นสูตรต่างๆ ที่ Health & Beauty นำเสนอต่อไปนี้ ได้นำเอาสมุนไพรที่มีสรรพคุณในด้านบำรุงผิวพรรณมาผสมกับดินสอพอง เพื่อให้เกิดประโยชน์เพิ่มมากขึ้นค่ะ

แต่ก่อนที่จะนำดินสอพองมาทำเครื่องประทินโฉมต่างๆ นั้น เราควรทำให้ดินสอพองสะอาดเสียก่อน เพราะดินสอพองที่ขายอยู่ตามท้องตลาด ส่วนใหญ่มักไม่ได้ผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อ จึงอาจมีเชื้อโรคเจือปนอยู่ ทำให้เกิดอาการคันหรือผิวหนังอักเสบได้

วิธีทำ ให้ดินสอพองสะอาดขึ้นนั้นไม่ยาก เรียกว่าการ "สะตุ" วิธีสะตุ เพียงนำดินสอพองใส่หม้อดิน ปิดฝาหม้อแล้วยกขึ้นตั้งไฟ ทิ้งไว้จนกว่าดินสอพองจะร้อนระอุเต็มที่แล้วจึงยกลง ทิ้งไว้ให้เย็นจากนั้นก็นำมาใช้ได้ ดินสอพองสะตุนี้ ถ้าเก็บไว้ในภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิดก็จะเก็บไว้ได้นาน โดยไม่ต้องมาเสียเวลาสะตุทุกครั้งที่ต้องการใช้

ครีมพอกหน้าดินสอพอง

สูตรน้ำมะนาว : สูตรนี้ผู้ที่มีปัญหาผิวมัน รูขุมขนกว้าง และมีสิวเสี้ยน

ส่วนผสม

ดินสอพองสะตุ 3 - 4 เม็ดใหญ่

น้ำมะนาว 2 ช้อนชา

วิธีทำ นำดินสอพองสะตุมาบดละเอียดด้วยภาชนะที่สะอาด ผสมน้ำมะนาวลงไป คนให้เข้ากัน ดินสอพองจะพองตัวขึ้นและมีฟองอากาศ นั่นเพราะดินสอพองกำลังทำปฏิกิริยากับกรดในน้ำมะนาวนั่นเอง จากนั้นทาครีมดินสอพองจนทั่วใบหน้ายกเว้นรอบดวงตา ทิ้งไว้ 15 - 20 นาที หรือจะทาก่อนนอนทิ้งไว้จนเช้าก็ได้

วิธีล้าง ให้ล้างด้วยน้ำอุ่น แล้วใช้ผ้าเช็ดเบาๆ บริเวณที่มีสิวเสี้ยน จากนั้นล้างอีกครั้งด้วยน้ำเย็นเพื่อกระชับรูขุมขน ทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 1 - 2 ครั้ง ผิวหน้าจะเนียนนุ่มขึ้น รูขุมขนกระชับ และความมันลดลง สูตรนี้สามารถเปลี่ยนจากน้ำมะนาวมาเป็นน้ำมะขามเปียกก็ได้ค่ะ

สูตรน้ำผึ้ง : สำหรับคนผิวแห้ง แพ้ง่าย มะนาวอาจจะทำให้เกิดความระคายเคืองและแห้งมากขึ้น สูตรนี้จึงใช้น้ำผึ้งที่มีคุณสมบัติสมานผิวเข้ามาแทนที่ และยังเพิ่มความชุ่มชื้นด้วยน้ำมันงา

ส่วนผสม

ดินสอพองสะตุ 3 - 4 เม็ดใหญ่

น้ำผึ้ง 2 ช้อนชา

น้ำเปล่า 1/2 ช้อนชา

น้ำมันงา 1/2 ช้อนชา

วิธีทำ นำดินสอพองสะตุมาบดละเอียด ผสมน้ำผึ้งและน้ำมันงา(หรือน้ำมันมะกอกก็ได้) คนให้เข้ากัน น้ำมาพอกให้ทั่วใบหน้ายกเว้นรอบดวงตา ทิ้งไว้ 15 - 20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด หลังล้างหน้าจะมีความมันของน้ำมันงาหลงเหลืออยู่บ้าง หากไม่ชอบให้ล้างด้วยน้ำอุ่นแล้วตามด้วยน้ำเย็น

สูตรน้ำนมขมิ้น : น้ำนมมีคุณสมบัติช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม ชุ่มชื่น บวกกับขมิ้นที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย แก้ผดผื่นคัน และบำรุงผิวให้เปล่งปลั่งด้วย สูตรนี้เหมาะกับทุกสภาพผิว

ส่วนผสม

ดินสอพองสะตุ 4 - 5 เม็ดใหญ่

นมสด 2 ช้อนชา

น้ำขมิ้น 1 ช้อนชา

วิธีทำน้ำขมิ้น นำหัวขมิ้นมาล้างน้ำให้สะอาด หั่นเป็นแว่นแล้วตำจนแหลก ผสมน้ำเล็กน้อย กรองเอาน้ำด้วยผ้าขาวบาง

วิธีทำ บดดินสอพองสะตุจนละเอียด แล้วคนส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากัน พอกหน้าทิ้งไว้ 15 - 20 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด

ครีมพอกตัวดินสอพอง

สูตรโยเกิร์ตน้ำมันมะกอก : เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวค่อนข้างแห้ง เพราะน้ำมันมะกอกจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และโยเกิร์ตยังทำให้ผิวเนียนนุ่ม ไม่แห้งกร้าน

ส่วนผสม

ดินสอพองสะตุ 25 - 30 เม็ดใหญ่

โยเกิร์ต 1/4 ถ้วย

น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ

น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ

น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ นำดินสอพองสะตุมาบดละเอียด ใส่ส่วนผสมทุกอย่าง คนให้เข้ากัน แล้วนำมาทาให้ทั่วตัว ทิ้งไว้ 20 - 30 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น ตามด้วยน้ำเย็นอีกครั้งเพื่อกระชับรูขุมขน สำหรับคนผิวมันให้ลดน้ำมันมะกอกลงเหลือ 1 ช้อนโต๊ะ แล้วเพิ่มน้ำมะนาวเป็น 2 ช้อนโต๊ะ

สูตรสมุนไพร : นอกจากขมิ้นที่มีประโยชน์ต่อผิวแล้ว ไพลยังมีสรรพคุณช่วยแก้ฟกช้ำ แก้รอยด่างดำ ทำให้ผิวสดใสขึ้น

สูตรนี้เหมาะกับทุกสภาพผิว

ส่วนผสม

ดินสอพองสะตุ 25 - 30 เม็ดใหญ่

น้ำขมิ้น 1 ช้อนโต๊ะ

น้ำไพล 1 ช้อนโต๊ะ

น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ

น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ เช่นเดียวกับสูตรข้างต้น

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

 

HealthandBeautyInfocus Copyright © 2009 เฮลธ์แอนด์บิวตี้อินโฟกัส สุขภาพ ความงาม แฟชั่น แพทเทิร์นงานฝีมือ ดูดวง โปรโมทเว็บฟรี Beauty Blogs - BlogCatalog Blog Directory